กินวิตามินมากๆ ดีจริงหรอ?
นอกจากการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว
หลายคนมักเลือกการทานวิตามินเป็นอาหารเสริม ซึ่งการทานวิตามินกำลังกลายเป็นเทรนด์ฮิตทั้งในไทยและต่างประเทศ
มีทั้งวิตามินช่วยเสริมเรื่องสุขภาพให้แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
ป้องกันโรคมะเร็ง ไขมัน ความดัน ฯลฯ
ไปจนถึงวิตามินประเภทที่ช่วยในเรื่องของความงามต่างๆ
แต่รู้หรือไม่ว่าการทานวิตามินมากเกินไปนอกจากจะเปลืองเงิน
และไม่ได้ช่วยให้คุณสุขภาพดีแล้ว ยังสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้อีกด้วย
สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษตีแผ่วัฒนธรรมการกินวิตามินพร่ำเพรื่อที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกโดยเปิดเผยผลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่พบว่าการกินวิตามินเอเบตาแคโรทีน
และวิตามินอี รวมถึงสารแอนติออกซิแดนท์ต่างๆ มากเกินไปในระยะเวลานานๆ
นอกจากจะไม่ได้ส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงและป้องกันโรคแล้ว
ยังส่งผลให้เกิดโรคหลายอย่างตามมา
วิตามินเอที่มากเกินไป หรือเกิน 3,000 ไมโครกรัมต่อวันในผู้ใหญ่ เคยทำให้คนตายมาแล้ว
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เคยมีนักสำรวจ
ขั้วโลกที่เสียชีวิตจากการกินตับสุนัขลากเลื่อนทำให้มีการค้นพบว่าตับสุนัขมีวิตามินเอสูงมาก
และการกินตับสุนัข 100 กรัมก็สามารถฆ่าคนได้
หรือถ้าได้รับวิตามินเอมากเกินไปแต่ยังไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
ก็จะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ผมร่วง ปากแห้ง ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นชั้นๆ ได้
และสำหรับนักสูบบุหรี่ วิตามินเอก็ทำให้คุณเป็นมะเร็งปอดได้ง่ายขึ้น ส่วนซิงก์ที่
หนุ่มสาวชอบกินเพื่อแก้อาการผมร่วง หรือช่วยรักษาสิว หากกินมากเกินไปคือตั้งแต่ 100-150 มิลลิกรัม และกินติดต่อกันเป็นเวลานานจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
ทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง และถ้ากินมากถึง 200 มิลลิกรัมขึ้นไป
อาจทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียและเป็นโรคโลหิตจางได้
วิตามินรวมหลายๆ
ชนิดแบบเบ็ดเสร็จในเม็ดเดียว ที่มักมาในรูปแบบของวิตามินบำรุงผม บำรุงสมอง
หรือบำรุงสายตา
ก็อันตรายมากเช่นเดียวกันเพราะนอกจากจะไม่สามารถคำนวณได้ว่ากินวิตามินอะไรเข้าไปเท่าไหร่
และที่กินเข้าไปนั้นมากเกินขนาดหรือไม่
วิตามินหลายชนิดยังขัดขวางการดูดซึมของกันและกัน
เช่นแคลเซียมจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กขัดขวางการดูดซึมทองแดง
ทำให้การโด๊ปวิตามินตัวหนึ่ง อาจทำให้คุณขาดวิตามินอีกชนิดได้
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ได้หมายความว่าวิตามินเป็นสิ่งไม่ดีหรือไม่จำเป็น
แต่ควรรับประทานเท่าที่จำเป็นหรือเท่าที่แพทย์แนะนำ อาทิ
ผู้ที่ควรได้รับวิตามินเสริม คือหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องได้รับโฟลิกและวิตามินดีเพิ่ม
คนอายุ 65 ปี และเด็กวัย 6 เดือน ถึง 5 ปี และคนที่ไม่ค่อยได้โดนแดด
ควรได้รับวิตามินดี และสุดท้ายเด็ก 6 เดือน ถึง 5 ปี ทุกคนควรได้รับวิตามินเอ ซี และดีเสริม
โดยเฉพาะเด็กที่ไม่สามารถกินอาหารที่หลากหลายได้
ที่มา : sanook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น